ขาสองต้องยืนหยัด อยู่ในวัฒนธรรมไทย
ตาสองมองออกไป ยังโลกใหญ่มโหฬาร
          หูสองว่องสดับ ส่วนดีรับปรับกิจการ
มือสองต้องทำงาน รวมถึงด้านการวิจัย
 
          คำประพันธ์บทนี้ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ประพันธ์ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นคติประจำใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของปูชนียบุคคลท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง
 
 
             ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เกิดวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2446 เป็นบุตรของ
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปีย มาลากุล) และท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จ-
สุเรนทราธิบดี (สกุลเดิม วสันตสิงห์) ท่านสมรสกับท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ณ อยุธยา ท่านทั้งสองไม่มีบุตรธิดา ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี
เกียรตินิยมทางภาษาสันสกฤต (B.A.Honors) และปริญญาโททางอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ท่านได้เข้ารับราชการและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสามัญศึกษา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามลำดับ
          ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ งานที่สำคัญที่ ฯพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้ดำเนินงานตามนโยบายและสร้างผลงานที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง คือ การก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งมีการเตรียมงานและวางรากฐานการบริหารและการจัดการที่มั่นคง จนทำให้มหาวิทยาลัยทั้งสองเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในปัจจุบัน
 
          ในการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น ฯพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้บันทึกไว้ว่า
          “...การตั้งมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ตามความเรียกร้องของประชาชน ที่ประชุมเห็นว่าน่าจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่...ด้วยเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง...”
 
          พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เปิดทำการสอนใน พ.ศ. 2507 ซึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาคแห่งแรก ฯพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุลในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งท่านได้ใช้เวลาเตรียมการอย่างสุขุมรอบคอบ เป็นขั้นตอน มีความชัดเจนในการดำเนินงาน ตั้งแต่การกำหนดความมุ่งหมายในการดำเนินงาน หน้าที่และวงงาน นโยบายการจัดตั้ง การสำรวจพื้นที่ การวางผังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การจัดเตรียมหลักสูตรและการสอน และการเตรียมอาคารสถานที่
 
          ในส่วนของการวางแผนการจัดเตรียมอาคารสถานที่แห่งนี้ สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ของฯพณฯ ม.ล. ปิ่น มาลากุล ต่อการขยายตัวในอนาคตของมหาวิทยาลัย
 
          แนวคิดของท่าน จะคำนึงถึงทั้งด้านการบริหาร การเรียนการสอน การอำนวยความสะดวกต่อนักศึกษา อาทิเช่น ตึกอำนวยการ หอสมุดกลาง สนามกีฬา ที่พักสำหรับอาจารย์ หอพักนักศึกษา โรงละคร (Amphi Theater) บริการอื่นๆ สำหรับอาจารย์ และ
นักศึกษา ได้แก่ ไปรษณีย์ ธนาคาร โรงเรียนประถมศึกษาขนาดย่อมสำหรับบุตรหลานและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผลพวงให้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคาร โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้บริการประชากรของมหาวิทยาลัย จวบจนปัจจุบัน
 
          ฯพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้วางรากฐานทางการศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างทันสมัย ทัดเทียมอารยประเทศ โดยครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ รวมทั้งสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บัณฑิตของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์
 
          เมื่อ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้ปฏิบัติภารกิจในการดำเนินการก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์แล้ว ท่านยังคงมีความผูกพันกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยในระยะแรกท่านยังได้ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งประการหนึ่งที่ทำให้กิจการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
 
          ในปีพุทธศักราช 2516 สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคราวประชุมเมือวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2516 ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ศึกษาศาสตร์) แก่ ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ในฐานะเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยคุณวุฒิและความสามารถที่สูงส่ง ได้อุทิศกำลังกายและกำลังความคิดในการพัฒนาการศึกษาของชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อการศึกษาของชาติ พยายามส่งเสริมอาชีพ สวัสดิการและวิทยฐานะของครูให้ดีขึ้น ได้แสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางการศึกษาอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีส่วนสำคัญ ริเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และดำรงตำแหน่งกรรมกราสภามหาวิทยาลัยอีกประการหนึ่งด้วย
 
          ในปีพุทธศักราช 2530 ในโอกาสที่ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล มีอายุครบ 7 รอบ 84 ปี และในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลสำคัญในการดำเนินงานจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่รำลึกถึงตลอดมา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงได้จัดงาน วันกตเวทิตาคุณ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ขึ้นในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2530
 
          ในปีพุทธศักราช 2532 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีนโยบายส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์ทางศิลปวัฒนธรรมของล้านนา ตลอดจนมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น มหาวิทยาลัยจึงประสงค์จะจัดสร้างหอศิลป์เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์และแหล่งความรู้ในทางศิลปวัฒนธรรมให้แก่คณาจารย์ ข้าราชการ นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล จึงได้มอบเงินจำนวน 750,000 บาท เป็นทุนในการดำเนินงานมหาวิทยาลัยจึงได้ปรับปรุงอาคารสโมสรนักศึกษาเดิมให้เป็นหอศิลป์ และใช้ชื่อว่า หอศิลป์ปิ่นมาลา และมหาวิทยาลัยได้กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดหอศิลป์ปิ่นมาลา ในวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เวลา 9.00 น.
 
          ในปีพุทธศักราช 2532 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ดำเนินการปรับปรุงหอศิลป์ปิ่นมาลาและจัดทำเป็นหอประวัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หอศิลป์ปิ่นมาลา) เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมและให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของมหาวิทยาลัย และใช้เป็นสถานที่ในการจัดนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง ในการจัดทำหอประวัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นได้กำหนดให้มีบริเวณหนึ่งที่จัดทำเป็นหอเกียรติคุณ (Hall of Fame) สำหรับบุคคลที่มีคุณูปการต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบุคคลท่านแรกที่มหาวิทยาลับได้เลือกสรรเพื่อประกาศยกย่องให้ปรากฏในหอเกียรติคุณ คือ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ซึ่งมหาวิทยาลัยได้จัดทำประติมากรรมรูปเหมือน ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เทคนิคบรอนซ์ ขนาดสูง 65 เซนติเมตร กว้าง 35 เซนติเมตร โดยได้รับความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยให้อาจารย์ถนอมจิตร์ ชุ่มวงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาประติมากรรม คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ เป็นผู้ดำเนินการ
 
          การดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตาคุณที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีต่อ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล และเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงผู้มีพระคุณสืบไป