Untitled Document
 
 
 ปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ปีการศึกษา 2552-2553
 
ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล
 
สาขาวิชา
          ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
คำประกาศเกียรติคุณ
          ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล สำเร็จการศึกษา J.D., University of Michigan Law School, M.A., University of Michigan Center for South and Southeast Asian Studies, A.B., Harvard College (American History and Literature) เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา ประธาน และคณะกรรมการในหน่วยต่างๆ ดังนี้ • Chair, UB’s Council on International Studies and Program • Chair, Planning Committee of the Law and Society Association International Conference in Honolulu • Law School Admissions Council, Grants Sub – Committee • Editorial Board, Law & Social Inquiry • Advisory Board, The Australian Journal of Asian Law ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ณ State University of New York at Buffalo (UB) ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลงานที่แสดงถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในวิชาชีพ ซึ่งปรากฏเป็นที่ยอมรับและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลทั่วไป ดังนี้ 1. เป็นผู้บุกเบิกการวิจัยคุณภาพและการวิจัยเชิงประจักษ์ในสาขาวิชานิติศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษามิติด้านสังคมวิทยาทางกฎหมาย โดยคำนึงถึงบทบาทของกฎหมายตามที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของกลุ่มต่างๆ ในสังคม ตลอดจนการเข้าถึงสิทธิทางกฎหมายที่บุคคลควรได้รับ เช่น สิทธิการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม สิทธิของคนพิการ สิทธิการได้รับการเยียวยาความเสียหายของผู้ถูกละเมิดเป็นต้น 2. เป็นแกนนำผู้ก่อตั้ง Law and Society Association ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการวิจัยด้านกฎหมายกับสังคม เพื่อให้การศึกษาด้านนิติศาสตร์พัฒนาออกไปให้กว้างกว่าการศึกษาตัวบทกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง President ของ Law & Society Association ใน ค.ศ.๑๙๙๗ – ค.ศ. ๑๙๙๘ 3. เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกับสังคมในประเทศไทย งานวิจัยด้านกฎหมายกับสังคมเกี่ยวกับบทบาทของกฎหมายและจารีตประเพณีในสังคมภาคเหนือของไทย นอกจากนี้ ยังมีงานแต่งหนังสือเรื่อง Code and Custom in a Thai Provincial Court; The Interaction of Formal and Informal System of Justice ตีพิมพ์โดย University of Arizona Press ซึ่งเป็นผลงานวิชาการที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทั้งยังใช้อ้างอิงในวงการนิติศาสตร์ สังคมวิทยา และคณาจารย์ด้านนิติศาสตร์/นักกฎหมายและตุลาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลงานล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย คือ Tort, Custom, and Karma: Globalization and Legal Consciousness in Thailand ซึ่งเป็นผลงานวิจัยเชิงประจักษ์ ทำให้เข้าใจถึงบทบาทอันจำกัดของกฎหมายละเมิดในการเยียวยาความเสียหายแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ และอิทธิพลของจารีตประเพณีและวิธีคิดของบุคคลที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นไม่อาจเข้าถึงกระบวนการทางกฎหมายได้ แม่แต่ในยุคโลกาภิวัตน์ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมายมากที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เช่น “Discourse of Causation in Injury Cases: Exploring and American Legal Cultures” ซึ่งเป็นบทหนึ่งในหนังสือและตำราเกี่ยวกับกฎหมายละเมิดเรื่อง Fault Lines: Tort Law and Cultures Practice นับได้ว่า ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล เป็นผู้นำด้านการศึกษากฎหมายกับสังคมของประเทศไทย รางวัลผลงานอันดีเด่น ได้แก่ • รางวัล Myers Outstanding Book Award สำหรับผลงานเรื่อง Rights of Inclusion: Law and Identity in the Life Stories of Americans with Disabilities ซึ่งเป็นงานวิจัยและงานเขียนเกี่ยวกับการรับรู้และการเข้าถึงสิทธิทางกฎหมายของคนพิการ • รางวัล Jacobs Book Prize สำหรับผลงานเรื่อง Law and Community in Three American Towns • รางวัลนักวิชาการดีเด่นของ UB ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล เป็นผู้ริเริ่มให้มีการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับ State University of New York at Buffalo ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ประสานงานหลักให้มีการต่ออายุข้อตกลงดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่สอง และข้อตกลงดังกล่าวนำไปสู่ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนนักวิชาการและนักศึกษาระหว่างกัน ด้วยความสนใจทางวิชาการร่วมกันและความสัมพันธ์อันยาวนานทำให้ ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล มีความผูกพันกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มากเป็นพิเศษ เป็นผู้จุดประกายให้อาจารย์ในคณะให้ความสำคัญแก่การวิจัยเชิงประจักษ์และการวิจัยเชิงคุณภาพมากขึ้น จัดให้มีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการวิจัยทางสังคมศาสตร์ให้แก่คณาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิให้คำปรึกษาจัดทำหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต ตลอดจนผลักดันให้นักศึกษาไทยในหลักสูตรนี้ได้ไปศึกษาหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิตที่ State University of New York at Buffalo เป็นเวลา ๑ ภาคการศึกษาโดยให้สิทธิได้รับปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต (LL.M.) จาก State University of New York at Buffalo ด้วย นอกจากเป็นที่ปรึกษาจัดทำหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิตให้แก่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้ว ยังได้เสียสละเวลามาช่วยสอนและบรรยายในหลักสูตรดังกล่าวเสมอมา โดยไม่ขอเบิกค่าใช้จ่ายใดๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเฉพาะปีแรกๆ ที่คณะยังไม่มีความพร้อม ได้มาช่วยบรรยายเป็นประจำทุกปีในภาคการเรียนที่ ๒ ในกระบวนวิชาระเบียบวิธีวิจัยและกฎหมายละเมิดขั้นสูง ช่วยให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาระดับปริญญาโทเป็นรายบุคคลในการทำวิทยานิพนธ์โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย รวมทั้งประสานให้นักวิชาการจาก State University of New York at Buffalo มาร่วมสอนอีกด้วย ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล ยังเป็นแกนนำสำคัญของ Law and Society Association ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศสหรัฐอเมริกา และทุกครั้งที่ Law and Society Association จัดการประชุมนานาชาติขึ้น เช่น การประชุมที่นคร Vancouver ประเทศแคนาดา ก็จะหาทุนให้นักกฎหมายไทย รวมทั้งอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ไปร่วมประชุมตลอดมา และในการประชุมนานาชาติครั้งต่อไปของ Law and Society Association ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นที่นคร Honolulu ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้จัดเตรียมหาทุนเพื่อสนับสนุนนักวิชาการของไทย รวมทั้งนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ไปร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย โดยเหตุที่ ศาสตราจารย์เดวิด เอ็ม เองเกล เป็นผู้ที่มีเกียรติประวัติและผลงานโดดเด่นทางนิติศาสตร์ในระดับนานาชาติ อีกทั้งเป็นนักวิชาการต่างประเทศที่ทุ่มเทศึกษาวิจัยด้านกฎหมายกับสังคมในประเทศไทยมากกว่าผู้ใด ตลอดระยะเวลาของความสัมพันธ์อันยาวนาน ที่มีกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สนับสนุนการเรียนการสอน การวิจัย และการพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ประสงค์ที่จะก่อภาระค่าใช้จ่ายใดๆ แก่คณะ อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญที่ริเริ่มให้มีความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับ State University of New York at Buffalo ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยเกียรติคุณและผลงานอันดีเด่นดังกล่าว สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงมีมติให้ได้รับปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป